ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับ
1. ดิน เป็นปัจจัยที่สำคัญอันดับแรกเพราะดินจะช่วยพยุงลำต้น เป็นแหล่งให้น้ำให้อากาศตลอดจนแร่ธาตุต่าง ๆ ดินที่อุดมสมบูรณ์พืชก็จะเจริญเติบโตได้ดี
2. ความชุ่มชื้นหรือน้ำ หมายถึง ความชุ่มชื้นที่อยู่ในดิน และความชุ่มชื้นที่อยู่ในอากาศ ดินที่อุดมสมบูรณ์มีธาตุอากาศ หากขาดน้ำในดินรากก็ไม่สามารถดูดไปใช้ได้ ความชุ่มชื้นในอากาศมีความจำเป็นต่อต้นไม้เพราะจะช่วยให้ต้นไม้สดชื่นอยู่เสมอ
3. แสงสว่าง มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของต้นพืชนับตั้งแต่เมล็ดเริ่มงอก การสร้างฮอร์โมนในพืช การสร้างเม็ดสี ตลอดจนการออกดอกผลและอื่น ๆ พืชบางชนิดจะออกดอกเมื่อได้รับแสงสว่างเพียงพอ
4. อุณหภูมิ เป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโต คุณภาพของดอกและปริมาณดอก
5. ปุ๋ย การเจริญเติบโตของพืชต้องการอาหารธาตุ ในการเจริญเติบโตจะได้รับอาหารธาตุเหล่านั้นจากดิน น้ำและอากาศ ในปัจจุบันธาตุในดินไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเพื่อปรุงดินให้มีธาตุตามที่พืชต้องการ
6. โรคและแมลง โรคที่เกิดกับพืชมีทั้งโรคที่เกิดจากเชื้อรา และแบคทีเรีย ส่วนแมลงนั้นมีมากมายหลายชนิด เช่น เพลี้ย หนอนต่าง ๆ เป็นต้น การฉีดยาป้องกันโรคและแมลงก่อนจะช่วยให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ดี
7. การตัดแต่ง จะมีผลต่อการเจริญเติบโต แตกกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ ซึ่งจะช่วยในการกำหนดรูปร่างรูปทรงของพืชนั้น รวมทั้งการตัดกิ่งที่ไม่ต้องการออกด้วย
8. ตำแหน่งที่ปลูก มีผลต่อการเจริญเติบโตอีกประการหนึ่ง การเรียนรู้ลักษณะนิสัยของพืชนั้น ๆ จะทำใหสามารถเลือกสถานที่ที่จะปลูกพืชได้เหมาะสมเพื่อให้มีการเจริญเติบโตได้ดี
วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557
การจำแนกประเภทและแบ่งพันธุ์ไม้
การจำแนกประเภทและแบ่งพันธุ์ไม้
มีหลักพิจารณาและจำแนกต่างกัน แล้วแต่ความมุ่งหมายและความประสงค์ ซึ่งอาจแบ่งจำพวกพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับเป็น 3 พวกใหญ่ ๆ คือ
1. การแบ่งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับตามความมุ่งหมายที่ใช้ หมายถึง การแบ่งพันธุ์ไม้ตามความต้องการและมุ่งหมายที่จะนำมาใช้เพื่อประโยชน์ ดังนี้
1) ไม้ตัดดอก (Cut flower plant)
หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูก ณ สถานที่ที่มีภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม เช่น สายลม แสงแดด อุณหภูมิ ดิน น้ำ ความชื้นสัมพัทธ์ การคมนาคม และระยะทางที่เหมาะสม เพื่อตัดเฉพาะส่วนดอกหรือช่อดอก ไปใช้ประโยชน์ หรือจำหน่าย เช่น แกลดิโอลัส เบญจมาศ เยอร์บีรา หน้าวัว กุหลาบ ดาวเรือง คาร์เนชัน และบัวหลวง ไม้ดอกดังกล่าวนี้ จะถูกตัดออกจากต้นไปใช้ประโยชน์พร้อมทั้งก้านดอกด้วย ทั้งนี้เพราะก้านดอกเป็นแหล่งสะสมอาหาร เมื่อดอกถูกตัดจากต้นเพื่อนำไปปักแจกัน หรือจัดกระเช้า อาหารที่เก็บสะสมไว้ที่ก้านดอกจะถูกนำมาใช้ ช่วยให้ดอกไม้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ดังนั้นคุณลักษณะสำคัญของไม้ตัดดอก นอกจากดอกจะต้องสวยสดแล้ว ก้านดอกก็ต้องใหญ่ ยาว และแข็งแรง แต่ไม่เกะกะเก้งก้าง บรรจุหีบห่อได้ง่าย ขนส่งสะดวก มีน้ำหนักไม่มากนัก และเก็บรักษาได้นาน
ยังมีไม้ดอกอีกหลายชนิดที่มีก้านดอกสั้น กลวงและเปราะหักง่ายแต่ดอกสวยหรือมีกลิ่นหอม อายุการใช้งานทนนาน สามารถใช้ประโยชน์ได้ดีในวิถีชีวิตของคนไทย โดยการนำเฉพาะส่วนดอกไปร้อยมาลัย ทำอุบะ จัดพานพุ่ม หรือนำไปจัดแจกัน โดยใช้ก้านเทียมแทน เช่น รัก มะลิ พุด จำปี จำปา แวนดาโจคิม บานไม่รู้โรย
2) ไม้ดอกกระถาง (Flowering pot plant)
หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูกเลี้ยงในกระถางตั้งแต่เริ่มเพาะเมล็ดหรือย้ายต้นกล้า โดยการเปลี่ยนกระถางให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นลำดับให้เหมาะสมกับความสูงและการเจริญเติบโตของต้น เมื่อออกดอก จะนำไปใช้ประโยชน์ในการประดับทั้งต้นทั้งดอก พร้อมทั้งกระถาง ทำให้อายุการใช้งานทนนานกว่าไม้ตัดดอก เช่น บีโกเนีย แพนซี แอฟริกันไวโอเลต กล็อกซิเนีย อิมเพเชียน พิทูเนีย
ไม้ดอกที่นำมาปลูกเป็นไม้กระถางจึงต้องมีทรงพุ่มต้นกะทัดรัด ไม่เกะกะเก้งก้าง หรือมีต้นสูงใหญ่ เกินกว่าที่จะนำมาปลูกเลี้ยงได้ในกระถางขนาดเล็กพอประมาณเพื่อความสะดวกในการขนย้าย ที่สำคัญคือควรจะออกดอกบานพร้อมเพรียงกันเกือบทั้งต้น เพื่อความสวยงามในการใช้ประดับ ปัจจุบันวิทยาการเจริญก้าวหน้าอย่างมาก มนุษย์สามารถปลูกเลี้ยงไม้ดอกหลายๆ ชนิดในกระถางขนาดเล็ก แม้จะมีขนาดต้นสูงใหญ่ โดยการใช้สารเคมีที่เรียกว่า สารชะลอการเจริญเติบโต ราดหรือพ่น เพื่อทำให้ไม้ดอกเหล่านั้น มีขนาดต้นเตี้ยลงตามความต้องการ ตลอดจนใช้เทคนิคบางประการในระหว่างการปลูกเลี้ยง เพื่อบังคับให้ไม้ดอกออกดอกพร้อมเพรียงกันทั้งต้นได้ โดยคงจำนวน ขนาด และสี ตลอดจนความสวยงามของดอก ให้ใกล้เคียงกับของเดิมทุกประการ
3) ไม้ดอกประดับแปลง (Bedding plant)
หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูกลงแปลง ณ บริเวณที่ต้องการปลูกตกแต่ง เพื่อประดับบ้านเรือน อาคารสถานที่ ตลอดจนสวนสาธารณะ โดยไม่ตัดดอกหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ประโยชน์ แต่ปล่อยให้ออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม ติดอยู่กับต้นภายในแปลงปลูก เพื่อประโยชน์ในการประดับ จนกว่าจะร่วงโรยไป
2. การแบ่งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับตามลักษณะนิสัยของพันธุ์ไม้ เช่น การแบ่งตามถิ่นกำเนิด แบ่งตามอายุความเจริญเติบโตของพันธุ์ไม้ ตามลักษณะเนื้อไม้ ตามสิ่งแวดล้อม และตามลักษณะของลำต้น
3. การแบ่งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับตามหลักพฤกษศาสตร์ มีความมุ่งหมายเพื่อจำแนกพันธุ์ไม้ทั่ว ๆ ไปให้แน่ชัดในรูปร่าง ลักษณะนิสัยการดำรงชีพ และการสืบพันธุ์ ของพันธุ์ไม้ให้อยู่เป็นกลุ่มที่แน่นอน ไม่ปะปนกัน
มีหลักพิจารณาและจำแนกต่างกัน แล้วแต่ความมุ่งหมายและความประสงค์ ซึ่งอาจแบ่งจำพวกพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับเป็น 3 พวกใหญ่ ๆ คือ
1. การแบ่งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับตามความมุ่งหมายที่ใช้ หมายถึง การแบ่งพันธุ์ไม้ตามความต้องการและมุ่งหมายที่จะนำมาใช้เพื่อประโยชน์ ดังนี้
1) ไม้ตัดดอก (Cut flower plant)
หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูก ณ สถานที่ที่มีภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม เช่น สายลม แสงแดด อุณหภูมิ ดิน น้ำ ความชื้นสัมพัทธ์ การคมนาคม และระยะทางที่เหมาะสม เพื่อตัดเฉพาะส่วนดอกหรือช่อดอก ไปใช้ประโยชน์ หรือจำหน่าย เช่น แกลดิโอลัส เบญจมาศ เยอร์บีรา หน้าวัว กุหลาบ ดาวเรือง คาร์เนชัน และบัวหลวง ไม้ดอกดังกล่าวนี้ จะถูกตัดออกจากต้นไปใช้ประโยชน์พร้อมทั้งก้านดอกด้วย ทั้งนี้เพราะก้านดอกเป็นแหล่งสะสมอาหาร เมื่อดอกถูกตัดจากต้นเพื่อนำไปปักแจกัน หรือจัดกระเช้า อาหารที่เก็บสะสมไว้ที่ก้านดอกจะถูกนำมาใช้ ช่วยให้ดอกไม้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ดังนั้นคุณลักษณะสำคัญของไม้ตัดดอก นอกจากดอกจะต้องสวยสดแล้ว ก้านดอกก็ต้องใหญ่ ยาว และแข็งแรง แต่ไม่เกะกะเก้งก้าง บรรจุหีบห่อได้ง่าย ขนส่งสะดวก มีน้ำหนักไม่มากนัก และเก็บรักษาได้นาน
ยังมีไม้ดอกอีกหลายชนิดที่มีก้านดอกสั้น กลวงและเปราะหักง่ายแต่ดอกสวยหรือมีกลิ่นหอม อายุการใช้งานทนนาน สามารถใช้ประโยชน์ได้ดีในวิถีชีวิตของคนไทย โดยการนำเฉพาะส่วนดอกไปร้อยมาลัย ทำอุบะ จัดพานพุ่ม หรือนำไปจัดแจกัน โดยใช้ก้านเทียมแทน เช่น รัก มะลิ พุด จำปี จำปา แวนดาโจคิม บานไม่รู้โรย
2) ไม้ดอกกระถาง (Flowering pot plant)
หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูกเลี้ยงในกระถางตั้งแต่เริ่มเพาะเมล็ดหรือย้ายต้นกล้า โดยการเปลี่ยนกระถางให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นลำดับให้เหมาะสมกับความสูงและการเจริญเติบโตของต้น เมื่อออกดอก จะนำไปใช้ประโยชน์ในการประดับทั้งต้นทั้งดอก พร้อมทั้งกระถาง ทำให้อายุการใช้งานทนนานกว่าไม้ตัดดอก เช่น บีโกเนีย แพนซี แอฟริกันไวโอเลต กล็อกซิเนีย อิมเพเชียน พิทูเนีย
ไม้ดอกที่นำมาปลูกเป็นไม้กระถางจึงต้องมีทรงพุ่มต้นกะทัดรัด ไม่เกะกะเก้งก้าง หรือมีต้นสูงใหญ่ เกินกว่าที่จะนำมาปลูกเลี้ยงได้ในกระถางขนาดเล็กพอประมาณเพื่อความสะดวกในการขนย้าย ที่สำคัญคือควรจะออกดอกบานพร้อมเพรียงกันเกือบทั้งต้น เพื่อความสวยงามในการใช้ประดับ ปัจจุบันวิทยาการเจริญก้าวหน้าอย่างมาก มนุษย์สามารถปลูกเลี้ยงไม้ดอกหลายๆ ชนิดในกระถางขนาดเล็ก แม้จะมีขนาดต้นสูงใหญ่ โดยการใช้สารเคมีที่เรียกว่า สารชะลอการเจริญเติบโต ราดหรือพ่น เพื่อทำให้ไม้ดอกเหล่านั้น มีขนาดต้นเตี้ยลงตามความต้องการ ตลอดจนใช้เทคนิคบางประการในระหว่างการปลูกเลี้ยง เพื่อบังคับให้ไม้ดอกออกดอกพร้อมเพรียงกันทั้งต้นได้ โดยคงจำนวน ขนาด และสี ตลอดจนความสวยงามของดอก ให้ใกล้เคียงกับของเดิมทุกประการ
3) ไม้ดอกประดับแปลง (Bedding plant)
หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูกลงแปลง ณ บริเวณที่ต้องการปลูกตกแต่ง เพื่อประดับบ้านเรือน อาคารสถานที่ ตลอดจนสวนสาธารณะ โดยไม่ตัดดอกหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ประโยชน์ แต่ปล่อยให้ออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม ติดอยู่กับต้นภายในแปลงปลูก เพื่อประโยชน์ในการประดับ จนกว่าจะร่วงโรยไป
2. การแบ่งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับตามลักษณะนิสัยของพันธุ์ไม้ เช่น การแบ่งตามถิ่นกำเนิด แบ่งตามอายุความเจริญเติบโตของพันธุ์ไม้ ตามลักษณะเนื้อไม้ ตามสิ่งแวดล้อม และตามลักษณะของลำต้น
3. การแบ่งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับตามหลักพฤกษศาสตร์ มีความมุ่งหมายเพื่อจำแนกพันธุ์ไม้ทั่ว ๆ ไปให้แน่ชัดในรูปร่าง ลักษณะนิสัยการดำรงชีพ และการสืบพันธุ์ ของพันธุ์ไม้ให้อยู่เป็นกลุ่มที่แน่นอน ไม่ปะปนกัน
ความหมายของไม้ดอกไม้ประดับ
ความหมายของไม้ดอกไม้ประดับ
ไม้ดอก หมายถึง พันธุ์ไม้ทุกชนิดที่ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากความสวยงามของดอก มีดอกสวยงาม ดอกดก บานทน นิยมปลูกไว้ให้บานสวยงามอยู่กับต้นหรือตัดออกไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่าย ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มได้ 2 กลุ่ม คือ ไม้ดอกประดับ และไม้ตัดดอก
ไม้ดอกประดับ คือ พันธุ์ไม้ดอกทุกชนิดที่ปลูกไว้เพื่อประดับบ้านเรือนอาคารสถานที่โดยให้ดอกบานติดอยู่กับต้น เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้สถานที่นั้นน่าอยู่อาศัยหรือน่าทำงาน ได้แก่ เข็มญี่ปุ่น พิทูเนีย แพงพวย พุทธรักษา บานชื่น ปทุมมา บัวสาย ฯลฯ ซึ่งหลายชนิดสามารถนำไปปลูกเป็นไม้ตัดดอกได้
ดังนั้น ไม้ดอกไม้ประดับ จึงหมายถึงพันธุ์ไม้ที่ปลูกขึ้นเพื่อทำให้เกิดความสวยงามทั้งภายในบริเวณบ้าน เช่น ในบริเวณสนามรอบ ๆ ตัวบ้าน แขวนไว้ตามชายคาบ้าน และตั้งประดับไว้ตามส่วนต่าง ๆ ภายนอกตัวบ้านหรืออาคาร เป็นต้น
ไม้ดอก หมายถึง พันธุ์ไม้ทุกชนิดที่ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากความสวยงามของดอก มีดอกสวยงาม ดอกดก บานทน นิยมปลูกไว้ให้บานสวยงามอยู่กับต้นหรือตัดออกไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่าย ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มได้ 2 กลุ่ม คือ ไม้ดอกประดับ และไม้ตัดดอก
ไม้ดอกประดับ คือ พันธุ์ไม้ดอกทุกชนิดที่ปลูกไว้เพื่อประดับบ้านเรือนอาคารสถานที่โดยให้ดอกบานติดอยู่กับต้น เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้สถานที่นั้นน่าอยู่อาศัยหรือน่าทำงาน ได้แก่ เข็มญี่ปุ่น พิทูเนีย แพงพวย พุทธรักษา บานชื่น ปทุมมา บัวสาย ฯลฯ ซึ่งหลายชนิดสามารถนำไปปลูกเป็นไม้ตัดดอกได้
ดังนั้น ไม้ดอกไม้ประดับ จึงหมายถึงพันธุ์ไม้ที่ปลูกขึ้นเพื่อทำให้เกิดความสวยงามทั้งภายในบริเวณบ้าน เช่น ในบริเวณสนามรอบ ๆ ตัวบ้าน แขวนไว้ตามชายคาบ้าน และตั้งประดับไว้ตามส่วนต่าง ๆ ภายนอกตัวบ้านหรืออาคาร เป็นต้น
คุณภาพของไม้ดอกไม้ประดับ
คุณภาพของไม้ดอกไม้ประดับ
ไม้ดอกและไม้ประดับเป็นอวัยวะของพืชที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งเมื่อมีการสูญเสียคุณภาพของก้าน ใบ หรือดอก จะไม่สามารถจำหน่ายได้ เพราะตลาดไม่ยอมรับ การสูญเสียคุณภาพมีสาเหตุมาจากหลายประการ เช่น การเหี่ยว การร่วงของใบหรือกลีบดอก การโค้งงอ เป็นต้น ในการคัดคุณภาพหรือจัดมาตรฐานไม้ดอกไม้ประดับนั้น ต้องเข้าใจสาเหตุที่ทำให้คุณภาพของไม้ดอกไม้ประดับเสียไปด้วย ได้แก่
1. การเจริญเติบโตจนแก่ ทำให้คุณภาพเสื่อมลง และอาจทำให้เกิดการโค้งงอของก้านดอกได้
2. การเสื่อมสภาพเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้กำลังจะหมดอายุซึ่งคุณภาพจะต่ำลง
3. การเหี่ยว อายุการปักแจกันของดอกไม้และใบไม้ขึ้นอยู่กับการได้รับน้ำอย่างต่อเนื่องและพอเพียง
4. การเหลืองของใบและอวัยวะอื่น ๆ ทำให้ดอกหมดอายุการใช้งาน
5. การร่วงของกลีบดอกและใบหรืออวัยวะอื่น ๆ จากสาเหตุต่าง ๆ
ไม้ดอกและไม้ประดับเป็นอวัยวะของพืชที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งเมื่อมีการสูญเสียคุณภาพของก้าน ใบ หรือดอก จะไม่สามารถจำหน่ายได้ เพราะตลาดไม่ยอมรับ การสูญเสียคุณภาพมีสาเหตุมาจากหลายประการ เช่น การเหี่ยว การร่วงของใบหรือกลีบดอก การโค้งงอ เป็นต้น ในการคัดคุณภาพหรือจัดมาตรฐานไม้ดอกไม้ประดับนั้น ต้องเข้าใจสาเหตุที่ทำให้คุณภาพของไม้ดอกไม้ประดับเสียไปด้วย ได้แก่
1. การเจริญเติบโตจนแก่ ทำให้คุณภาพเสื่อมลง และอาจทำให้เกิดการโค้งงอของก้านดอกได้
2. การเสื่อมสภาพเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้กำลังจะหมดอายุซึ่งคุณภาพจะต่ำลง
3. การเหี่ยว อายุการปักแจกันของดอกไม้และใบไม้ขึ้นอยู่กับการได้รับน้ำอย่างต่อเนื่องและพอเพียง
4. การเหลืองของใบและอวัยวะอื่น ๆ ทำให้ดอกหมดอายุการใช้งาน
5. การร่วงของกลีบดอกและใบหรืออวัยวะอื่น ๆ จากสาเหตุต่าง ๆ
การพิจารณาเลือกพันธุ์ไม้มาปลูกเลี้ยง หรือเพื่อสะสม
การพิจารณาเลือกพันธุ์ไม้มาปลูกเลี้ยง หรือเพื่อสะสม
มีต้นไม้สวยๆในบริเวณบ้าน เพื่อใช้สำหรับการพักผ่อน และทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ
ต้นไม้ในสวนยังสามารถเป็นงานอดิเรกที่หลายคนต่างหลงไหล นอกเหนือไปจากการดูแล
และบำรุงรักษาต้นไม้ต่างๆ ซึ่งถือเป็นการได้ฝึกสมาธิ และออกกำลังกายอย่างหนึ่งแล้ว
การสะสมพันธุ์ไม้ิ ยังเป็นอีกกิจกรรมหนึ่ง ที่จะทำใ้ห้คุณได้สดชื่นแจ่มใส ไปกับสมาชิก
พันธุ์ไม้ที่เพิ่มมากขึ้น การเติบโตของต้นไม้ที่คุณได้สังเกตเห็นอย่างต่อเนื่อง จะทำให้คุณ
และคนใกล้ชิดในครอบครัว กลายเป็นนักสังเกตที่ละเอียดและอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว...
การที่คนคนหนึ่งจะหาต้นไม้มาปลูกเลี้ยงเพื่อดูเล่น หรือนำมาใช้ประโยชนอื่นๆนั้น
อาจจะไม่ต้องการเงื่อนไขอะไรมากมายนัก เพียงแต่ซื้อต้นที่สวยถูกใจ และราคา
เหมาะสมก็น่าจะเพียงพอแล้ว เมื่อปลูกเลี้ยงไปสักพักต้นไม้ที่ปลูกมาพร้อมกับกระถาง
ก็จะเริ่มทรุดโทรมลง เนื่องจากหลายสาเหตุ อาจเป็นเพราะเป็นพืชดอกอายุสั้น
เป็นพืชล้มลุกที่หมดอายุไข หรือดินปลูกหมดอายุการใช้งาน ซึ่งก็อาจถือได้ว่า
ได้ใช้ประโยชน์คุ้มค่าแล้ว เพราะอายุการใช้งานของต้นไม้ในกระถางนั้น
เมื่อเทียบกับดอกไม้ปักแจกันแล้ว ราคาและอายุการใช้งานถือว่าคุ้มค่ากว่ามากนัก
หากต้องการปลูกเลี้ยงระยะยาว มากกว่าที่จะปล่อยทรุดโทรมไปตามอายุการใช้งาน
ของต้นไม้ที่ซื้อมาพร้อมกับกระถาง สิ่งที่ควรคำนึงถึงอีกสักนิดก็คือ
ความเหมาะสมด้านต่า่งๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูต้นไม้ชนิดนั้นๆ
ควรสอบถามหรือศึกษาเพิ่มเติมก่อน เพื่อที่จะสามารถจัดเตรียมปัจจัยแวดล้อมต่างๆ
ที่จำเป็นสำหรับการปลูกเลี้ยงต้นไม้ชนิดนั้น อันได้แก่ วัสดุปลูก สถานที่ปลูก
นิสัยเกี่ยวกับความชื้นหรือความต้องการแสง รวมทั้งเกี่ยวกับการดูแลรักษา
เรื่องโรคและแมลงเป็นต้น มีความจริงอยู่ข้อหนึ่งที่ควรรู้ก่อนว่า ต้นไม้ไม่ได้
ปลูกเลี้ยงยากเหมือนที่หลายๆคนเข้าใจ ต้นไม้ส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการเลี้ยงดูเอาใจใส่
มากนัก ก็สามารถเจริญงอกงามได้ดี เว้นแต่ว่าหากต้องการปลูกเลี้ยงให้สวยงามดีเลิศ เพื่อนำไปขาย หรือประกวด ก็อาจจะต้องดูแลเป็นกรณีพิเศษเป็นกรณีไป
ในตอนแรกคนที่เริ่มปลูกเลี้ยงต้นไม้ อาจจะยังไม่รู้ว่าตนเองชอบพันธุ์ไม้ประเภทไหน
ก็อาจจะลองปลูกเลี้ยงดูให้หลากหลายแบบ เพื่อดูความถนัด หรือความสนใจจริงก่อน
โดยส่วนใหญ่เมื่อคนคนหนึ่ง ค้นพบต้นไม้ประเภทที่ตนเองหลงไหลแล้ว
ก็จะพัฒนาทักษะการปลูกเลี้ยง และเริ่มเก็บรวบรวมชนิดพันธุ์ต่างๆ ที่อยู่ใน
ประเภทต้นไม้ที่ชอบ จนกลายเป็นนักสะสมต้นไม้ตัวยงไปเลยก็ได้
เมื่อผ่านช่วงเวลาหนึ่งผู้ปลูกเลี้ยงต้นไม้ที่ตัวเองชื่นชอบจะมีประสบการณ์มากขึ้น และ
สามารถรวบรวมชนิดและสายพันธุ์ต่างๆได้จำนวนมาก ก็อาจจะสามารถพัฒนาตนเอง
ไปสู่ผู้ปลูกเลี้ยงมืออาชีพ ซึ่งในที่นี้อาจหมายถึงผู้ปลูกเลี้ยงที่รู้รอบครอบคลุม
กระบวนการต่างๆที่เกี่ยวกับต้นไม้ประเภทนั้น จนสามารถควบคุมได้ดั่งใจ
เช่นควบคุมกระบวนการวิธีผลิต ควบคุมให้ขยายพันธุ์ หรือออกดอกในระดับที่กำหนด
ช่วงเวลาได้ ทำให้สามารถวางแผนการตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับการผลิตได้ดังใจนั่นเอง
ผู้ปลูกเลี้ยงในระดับนี้อาจจะไม่ได้หมายถึงการพัฒนาสู่การค้าเพียงอย่างเดียว
ในบางครั้ง ผู้ปลูกเลี้ยงไม้ประดับบางท่าน สามารถพัฒนาตัวเองไปสู่อาชีพ
นักเขียนเรื่องต้นไม้ นักวิจัยอิสระ นักจัดสวนผู้เชี่ยวชาญการเลือกใช้ต้นไม้
หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้องได้อีกมากมาย
สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ควรวางแผนเพื่อหากำไรเกี่ยวกับการปลูกเลี้ยง
ต้นไม้ไว้บ้าง อย่าเอาแต่สะสมเพราะเป็นความสุขชั่วเวลาหนึ่ง หรือตามกระแสนิยม
เพียงอย่างเดียว เนื่องจากสะสมต้นไม้นั้น ต้องทุ่มเทเวลาและเงินทองไปไม่ใช่น้อย
แม้ว่าเราจะได้ ความสุขความสบายใจจากต้นไม้เมื่อเราปลูกเลี้ยงมานาน
แต่ก็ควรนึกถึงสภาพความจริงที่เมื่อวันหนึ่ง จำนวนต้นไม้มีมากขึ้น
จะมีความซับซ้อนของการปลูกเลี้ยงมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เช่นเวลาสำหรับการดูแล
รดน้ำ ให้ปุ๋ย และดูแลเรื่องโรคแมลง และชนิดที่หลากหลายก็ต้องแยกการดูแลเป็นกลุ่ม
ให้เหมาะสมเป็นบริเวณต่างๆไปอีกด้วย อาจจะต้องมีคนช่วยดูแล จัดหาวัตถุดิบ
หรือตัดแต่ง เพาะขยายพันธุ์ จัดหาหรือขยายบริเวณพื้นที่ปลูกเลี้ยง ฯลฯ
มีบ่อยครั้งที่การปลูกต้นไม้เป็นกระแสนิยมแบบแฟชั่น คือนิยมปลูกกันไม่นานก็เบื่อ
แล้วปล่อยทิ้งให้ทรุดโทรมไปเฉยๆ หรือยกให้กับผู้อื่นปลูกเลี้ยงต่อไป ผู้เขียนเอง
มีความเห็นว่าเมื่อเราสะสมหรือสนใจปลูกเลี้ยงต้นไม้ประเภทใดอย่างจริงจังแล้ว
ก็ควรที่จะมองถึงอนาคต และกระบวนการพัฒนาการสะสมไปจนจบกระบวนการ
ตัวอย่างเช่น อาจตั้งเป้าหมายไว้ว่า ต้นไม้ที่สะสมอยู่ทั่วทั้งโลกมีอยู่ประมาณ 200
ชนิด เมื่อถึงเวลาสะสมได้ครบหรือเต็มที่ของศักยภาพของเราแล้ว เราก็จะจัดทำเป็น
โปสเตอร์รวมภาพชนิดต่างๆ จัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่ประสบการณ์ของตัวเอง
หรือเปิดเป็นสวนต้นไม้เพื่อขายสายพันธุ์ต่างๆตามแต่แผนการตลาดที่เอื้ออำนวย
สิ่งเหล่านี้ถ้าคิดไว้ตั้งแต่แรก จะเป็นการดีกว่าที่เราไปเสียเวลา และทอดทิ้งไป
มีต้นไม้สวยๆในบริเวณบ้าน เพื่อใช้สำหรับการพักผ่อน และทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ
ต้นไม้ในสวนยังสามารถเป็นงานอดิเรกที่หลายคนต่างหลงไหล นอกเหนือไปจากการดูแล
และบำรุงรักษาต้นไม้ต่างๆ ซึ่งถือเป็นการได้ฝึกสมาธิ และออกกำลังกายอย่างหนึ่งแล้ว
การสะสมพันธุ์ไม้ิ ยังเป็นอีกกิจกรรมหนึ่ง ที่จะทำใ้ห้คุณได้สดชื่นแจ่มใส ไปกับสมาชิก
พันธุ์ไม้ที่เพิ่มมากขึ้น การเติบโตของต้นไม้ที่คุณได้สังเกตเห็นอย่างต่อเนื่อง จะทำให้คุณ
และคนใกล้ชิดในครอบครัว กลายเป็นนักสังเกตที่ละเอียดและอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว...
การที่คนคนหนึ่งจะหาต้นไม้มาปลูกเลี้ยงเพื่อดูเล่น หรือนำมาใช้ประโยชนอื่นๆนั้น
อาจจะไม่ต้องการเงื่อนไขอะไรมากมายนัก เพียงแต่ซื้อต้นที่สวยถูกใจ และราคา
เหมาะสมก็น่าจะเพียงพอแล้ว เมื่อปลูกเลี้ยงไปสักพักต้นไม้ที่ปลูกมาพร้อมกับกระถาง
ก็จะเริ่มทรุดโทรมลง เนื่องจากหลายสาเหตุ อาจเป็นเพราะเป็นพืชดอกอายุสั้น
เป็นพืชล้มลุกที่หมดอายุไข หรือดินปลูกหมดอายุการใช้งาน ซึ่งก็อาจถือได้ว่า
ได้ใช้ประโยชน์คุ้มค่าแล้ว เพราะอายุการใช้งานของต้นไม้ในกระถางนั้น
เมื่อเทียบกับดอกไม้ปักแจกันแล้ว ราคาและอายุการใช้งานถือว่าคุ้มค่ากว่ามากนัก
หากต้องการปลูกเลี้ยงระยะยาว มากกว่าที่จะปล่อยทรุดโทรมไปตามอายุการใช้งาน
ของต้นไม้ที่ซื้อมาพร้อมกับกระถาง สิ่งที่ควรคำนึงถึงอีกสักนิดก็คือ
ความเหมาะสมด้านต่า่งๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูต้นไม้ชนิดนั้นๆ
ควรสอบถามหรือศึกษาเพิ่มเติมก่อน เพื่อที่จะสามารถจัดเตรียมปัจจัยแวดล้อมต่างๆ
ที่จำเป็นสำหรับการปลูกเลี้ยงต้นไม้ชนิดนั้น อันได้แก่ วัสดุปลูก สถานที่ปลูก
นิสัยเกี่ยวกับความชื้นหรือความต้องการแสง รวมทั้งเกี่ยวกับการดูแลรักษา
เรื่องโรคและแมลงเป็นต้น มีความจริงอยู่ข้อหนึ่งที่ควรรู้ก่อนว่า ต้นไม้ไม่ได้
ปลูกเลี้ยงยากเหมือนที่หลายๆคนเข้าใจ ต้นไม้ส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการเลี้ยงดูเอาใจใส่
มากนัก ก็สามารถเจริญงอกงามได้ดี เว้นแต่ว่าหากต้องการปลูกเลี้ยงให้สวยงามดีเลิศ เพื่อนำไปขาย หรือประกวด ก็อาจจะต้องดูแลเป็นกรณีพิเศษเป็นกรณีไป
ในตอนแรกคนที่เริ่มปลูกเลี้ยงต้นไม้ อาจจะยังไม่รู้ว่าตนเองชอบพันธุ์ไม้ประเภทไหน
ก็อาจจะลองปลูกเลี้ยงดูให้หลากหลายแบบ เพื่อดูความถนัด หรือความสนใจจริงก่อน
โดยส่วนใหญ่เมื่อคนคนหนึ่ง ค้นพบต้นไม้ประเภทที่ตนเองหลงไหลแล้ว
ก็จะพัฒนาทักษะการปลูกเลี้ยง และเริ่มเก็บรวบรวมชนิดพันธุ์ต่างๆ ที่อยู่ใน
ประเภทต้นไม้ที่ชอบ จนกลายเป็นนักสะสมต้นไม้ตัวยงไปเลยก็ได้
เมื่อผ่านช่วงเวลาหนึ่งผู้ปลูกเลี้ยงต้นไม้ที่ตัวเองชื่นชอบจะมีประสบการณ์มากขึ้น และ
สามารถรวบรวมชนิดและสายพันธุ์ต่างๆได้จำนวนมาก ก็อาจจะสามารถพัฒนาตนเอง
ไปสู่ผู้ปลูกเลี้ยงมืออาชีพ ซึ่งในที่นี้อาจหมายถึงผู้ปลูกเลี้ยงที่รู้รอบครอบคลุม
กระบวนการต่างๆที่เกี่ยวกับต้นไม้ประเภทนั้น จนสามารถควบคุมได้ดั่งใจ
เช่นควบคุมกระบวนการวิธีผลิต ควบคุมให้ขยายพันธุ์ หรือออกดอกในระดับที่กำหนด
ช่วงเวลาได้ ทำให้สามารถวางแผนการตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับการผลิตได้ดังใจนั่นเอง
ผู้ปลูกเลี้ยงในระดับนี้อาจจะไม่ได้หมายถึงการพัฒนาสู่การค้าเพียงอย่างเดียว
ในบางครั้ง ผู้ปลูกเลี้ยงไม้ประดับบางท่าน สามารถพัฒนาตัวเองไปสู่อาชีพ
นักเขียนเรื่องต้นไม้ นักวิจัยอิสระ นักจัดสวนผู้เชี่ยวชาญการเลือกใช้ต้นไม้
หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้องได้อีกมากมาย
สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ควรวางแผนเพื่อหากำไรเกี่ยวกับการปลูกเลี้ยง
ต้นไม้ไว้บ้าง อย่าเอาแต่สะสมเพราะเป็นความสุขชั่วเวลาหนึ่ง หรือตามกระแสนิยม
เพียงอย่างเดียว เนื่องจากสะสมต้นไม้นั้น ต้องทุ่มเทเวลาและเงินทองไปไม่ใช่น้อย
แม้ว่าเราจะได้ ความสุขความสบายใจจากต้นไม้เมื่อเราปลูกเลี้ยงมานาน
แต่ก็ควรนึกถึงสภาพความจริงที่เมื่อวันหนึ่ง จำนวนต้นไม้มีมากขึ้น
จะมีความซับซ้อนของการปลูกเลี้ยงมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เช่นเวลาสำหรับการดูแล
รดน้ำ ให้ปุ๋ย และดูแลเรื่องโรคแมลง และชนิดที่หลากหลายก็ต้องแยกการดูแลเป็นกลุ่ม
ให้เหมาะสมเป็นบริเวณต่างๆไปอีกด้วย อาจจะต้องมีคนช่วยดูแล จัดหาวัตถุดิบ
หรือตัดแต่ง เพาะขยายพันธุ์ จัดหาหรือขยายบริเวณพื้นที่ปลูกเลี้ยง ฯลฯ
มีบ่อยครั้งที่การปลูกต้นไม้เป็นกระแสนิยมแบบแฟชั่น คือนิยมปลูกกันไม่นานก็เบื่อ
แล้วปล่อยทิ้งให้ทรุดโทรมไปเฉยๆ หรือยกให้กับผู้อื่นปลูกเลี้ยงต่อไป ผู้เขียนเอง
มีความเห็นว่าเมื่อเราสะสมหรือสนใจปลูกเลี้ยงต้นไม้ประเภทใดอย่างจริงจังแล้ว
ก็ควรที่จะมองถึงอนาคต และกระบวนการพัฒนาการสะสมไปจนจบกระบวนการ
ตัวอย่างเช่น อาจตั้งเป้าหมายไว้ว่า ต้นไม้ที่สะสมอยู่ทั่วทั้งโลกมีอยู่ประมาณ 200
ชนิด เมื่อถึงเวลาสะสมได้ครบหรือเต็มที่ของศักยภาพของเราแล้ว เราก็จะจัดทำเป็น
โปสเตอร์รวมภาพชนิดต่างๆ จัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่ประสบการณ์ของตัวเอง
หรือเปิดเป็นสวนต้นไม้เพื่อขายสายพันธุ์ต่างๆตามแต่แผนการตลาดที่เอื้ออำนวย
สิ่งเหล่านี้ถ้าคิดไว้ตั้งแต่แรก จะเป็นการดีกว่าที่เราไปเสียเวลา และทอดทิ้งไป
ในภายหลัง โดยที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเป็นสิ่งตอบแทนมากนัก
การเตรียมพื้นที่ปลูก
การเตรียมพื้นที่ปลูก
การเตรียมดินเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งของการปลูกต้นไม้ และจะให้ได้ผลดีจะต้องมีการเตรียมการ
ล่วงหน้าพอสมควร ปรับระดับพื้นที่ให้ได้ตามต้องการเสียก่อน และเพื่อความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย
ผู้ปลูกควรได้กำหนดแผนผังการปลูกต้นไม้ไว้ก่อน ขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องปกติไม่ว่าดินจะเป็นดินชนิดใดหรือมีทำเลเป็นอย่างไร จะต้องทำการขุดหลุมดังนี้
การเตรียมดินเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งของการปลูกต้นไม้ และจะให้ได้ผลดีจะต้องมีการเตรียมการ
ล่วงหน้าพอสมควร ปรับระดับพื้นที่ให้ได้ตามต้องการเสียก่อน และเพื่อความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย
ผู้ปลูกควรได้กำหนดแผนผังการปลูกต้นไม้ไว้ก่อน ขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องปกติไม่ว่าดินจะเป็นดินชนิดใดหรือมีทำเลเป็นอย่างไร จะต้องทำการขุดหลุมดังนี้
จัดหาอุปกรณ์และเตรียมวัสดุสำหรับใช้ปลูกต้นไม้
จัดหาอุปกรณ์และเตรียมวัสดุสำหรับใช้ปลูกต้นไม้
1. อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ในการปลูกต้นไม้ ควรจัดหาและเตรียมให้พร้อมเพื่อ
ความสะดวกใน การปลูกต้นไม้ มีจอบ เสียม พลั่วตักดิน บุ้งกี๋ ตลอดจนยานพาหนะ
ลำเลียงขนส่งกล้าไม้ไปยังจุดที่เตรียมหลุมปลูก
2. หน้าดินผสมสำหรับกลบหลุมปลูก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก สำหรับรองก้นหลุม ตลอดจนสาร
อุ้มน้ำ(ถ้ามี) และใช้ในกรณีปลูกก่อนหรือหลังฤดูฝน
3. หลักค้ำยัน ยึดต้นไม้ กันลมพัดโยกและช่วยในการทรงตัวของต้นไม้ให้ตั้งตรง เชือก
1. อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ในการปลูกต้นไม้ ควรจัดหาและเตรียมให้พร้อมเพื่อ
ความสะดวกใน การปลูกต้นไม้ มีจอบ เสียม พลั่วตักดิน บุ้งกี๋ ตลอดจนยานพาหนะ
ลำเลียงขนส่งกล้าไม้ไปยังจุดที่เตรียมหลุมปลูก
2. หน้าดินผสมสำหรับกลบหลุมปลูก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก สำหรับรองก้นหลุม ตลอดจนสาร
อุ้มน้ำ(ถ้ามี) และใช้ในกรณีปลูกก่อนหรือหลังฤดูฝน
3. หลักค้ำยัน ยึดต้นไม้ กันลมพัดโยกและช่วยในการทรงตัวของต้นไม้ให้ตั้งตรง เชือก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)